Structural Columns ใน Revit หมายถึงคอลัมน์ที่รองรับน้ำหนักแนวตั้งซึ่งเป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างของอาคาร เนื้อหาบนหน้าถูกแยกเป็นประเด็นหลัก ๆ ดังนี้:
- Primary Role & Placement:
Structural Columns ใช้สำหรับถ่ายโอนน้ำหนักจาก horizontal elements (เช่น beams) ลงสู่ foundation โดยสามารถวางได้ทั้งใน plan view และ 3D view ซึ่ง toolset มีตัวเลือกให้วางคอลัมน์เดี่ยวหรือหลายคอลัมน์ที่ intersection ตาม grid lines เพื่อให้ตำแหน่งสอดคล้องกับ geometry ของอาคาร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้คอลัมน์แบบ vertical หรือ slanted ได้ตาม design intent - Customization & Properties:
แม้ว่า Structural Columns จะมีลักษณะที่คล้ายกับ architectural columns แต่ก็มีการเพิ่ม parameters และ settings เฉพาะด้านฟังก์ชันของระบบ Structural เช่น การปรับ instance properties อย่าง level offsets, size และ orientation รวมทั้งการปรับ type properties ที่ควบคุม cross-sectional dimensions และ material specifications การปรับแต่งเหล่านี้ช่วยให้คอลัมน์ทั้งตรงกับ design intent และสอดคล้องกับข้อกำหนดสำหรับการ structural analysis - Modification & Coordination:
หลังจากวาง Structural Columns แล้ว สามารถแก้ไขตำแหน่ง (move, align หรือ lock) ให้สอดคล้องกับ grids ได้แม้ grid layout จะมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างการแสดง splice หรือ plate symbols เพื่อช่วยในการตรวจสอบวิธีการเชื่อมต่อและยืนยันการถ่ายโอนน้ำหนักในระบบโครงสร้าง - Integration with the Structural Model:
Structural Columns ถูกออกแบบในรูปแบบ loadable families ซึ่งหมายความว่ามี predefined types และ configurations ให้เลือกหรือปรับแต่งเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละโปรเจค สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความแม่นยำของโมเดล แต่ยังรับรองว่า design เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและสนับสนุนการ structural analysis ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุป, Structural Columns ใน Revit มอบวิธีการที่ยืดหยุ่นและทนทานในการเพิ่มองค์ประกอบรองรับน้ำหนักแนวตั้งในโมเดลอาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าโครงสร้างและการประสานงานภายในโปรเจคเป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ
คุณสมบัติหลักของเสาโครงสร้างแบ่งออกเป็น 3 หมวด:
- Instance Properties: ควบคุมการปรับระดับ (level offsets), การจัดวางรูปทรง (geometry justification) และขั้นตอนงาน (phasing)
- Type Properties: กำหนดสเปคเฉพาะ เช่น ความกว้างของแฟรงจ์และความหนาของแกนโครงสร้าง
- Family Properties: กำหนดพฤติกรรมมาตรฐานและข้อมูลตัวตนที่ใช้ร่วมกันในทุกประเภทภายในครอบครัว
Placing Structural Column
ในบริบทของ Revit คำว่า Placing หมายถึงกระบวนการหรือขั้นตอนที่ใช้ในการวางหรือเพิ่มองค์ประกอบต่าง ๆ ลงในโมเดล โดยทั่วไปจะครอบคลุมถึงการวาง Structural Elements เช่น Structural Columns หรือองค์ประกอบอื่น ๆ ของโมเดล ทั้งในมุมมอง Plan หรือ 3D view
- การเลือกคำสั่งและตำแหน่ง:
เมื่อคุณต้องการเพิ่มองค์ประกอบลงในโมเดล คุณจะต้องเลือกคำสั่งที่เกี่ยวข้องบน Ribbon (เช่น Place Column หรือคำสั่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับองค์ประกอบที่ต้องการ) จากนั้นคลิกในพื้นที่แสดงผล (Drawing Area) เพื่อระบุตำแหน่งที่ต้องการวางองค์ประกอบนั้น ซึ่งระบบจะทำการแสดงตัวอย่าง (Preview) ให้คุณสามารถปรับตำแหน่งก่อนที่จะยืนยันการวางจริง - การใช้งานร่วมกับ Grid:
โดยปกติแล้ว การวางองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับ Structural Elements จะอาศัยการอ้างอิงตำแหน่งกับ Grid Lines ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การ Snap และการเรียงตำแหน่งเป็นไปอย่างแม่นยำและสอดคล้องกับ design intent ของโปรเจ็ค - ความยืดหยุ่นและการประสานงาน:
การวาง (Placing) มีความยืดหยุ่นสูง ผู้ใช้สามารถวางองค์ประกอบได้ในหลายมุมมอง ทั้งใน Plan View และ 3D View ทำให้การประสานงานของโมเดลเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากวางแล้ว องค์ประกอบที่วางลงไปยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็น
โดยสรุป Placing เป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มเติมหรือวางองค์ประกอบในโมเดลได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างและประสานงานโมเดลใน Revit
Vertical Structural Column
Vertical Structural Column ใน Revit มีบทบาทสำคัญในฐานะองค์ประกอบหลักที่รองรับน้ำหนักในแนวตั้งของโครงสร้างอาคาร เนื้อหาบนหน้าเว็บโดยรอบอธิบายรายละเอียดและขั้นตอนการสร้างและการใช้งานดังนี้:
- Placement Process:
- เมื่อเริ่มใช้งาน ให้เปิดคำสั่ง Structural Column บน Ribbon (โดยทั่วไปอยู่ในแท็บ Structure หรือ Architecture)
- เมื่อเลือกคำสั่งแล้ว ระบบจะแสดง preview ของ column ใต้ cursor จากนั้นคุณคลิกใน drawing area ไม่ว่าจะเป็นใน Plan view หรือ 3D view เพื่อวางคอลัมน์ในตำแหน่งที่ต้องการ
- ระบบจะช่วย snap column ให้สอดคล้องกับ geometry ที่มีอยู่ โดยเฉพาะที่ grid intersections เพื่อให้การจัดวางมีความแม่นยำ
- Setting Options:
- บน Options Bar ของ Revit คุณสามารถระบุพารามิเตอร์ที่สำคัญสำหรับ Vertical Structural Column เช่น
- Level: ใช้ระบุ base level ของคอลัมน์ (ใน Plan view จะใช้ระดับของ view ในขณะที่ใน 3D view สามารถเลือก level เฉพาะได้)
- Depth/Height Level: กำหนดการขยายตัวของคอลัมน์จาก base คุณสามารถเลือกให้วาดคอลัมน์ลงล่างด้วย Depth หรือเลือก Height Level/Unconnected เพื่อกำหนดระดับบนสุดหรือความสูงที่แน่นอน
- Rotate after placement: เมื่อเปิดใช้งานคำสั่งนี้ คุณสามารถปรับ orientation ของคอลัมน์ได้โดยกด Spacebar ซึ่งจะทำให้คอลัมน์หมุนไปทีละ 90 องศา ช่วยในการจัดแนวให้ตรงกับ grid
- บน Options Bar ของ Revit คุณสามารถระบุพารามิเตอร์ที่สำคัญสำหรับ Vertical Structural Column เช่น
- Customization and Flexibility:
- Vertical Structural Column ใน Revit ถูกจัดการในรูปแบบ loadable families ทำให้คุณสามารถเลือก predefined types หรือสร้าง custom column families ให้ตรงกับ design criteria ได้
- การปรับ instance และ type properties เช่น material, cross-sectional dimensions, offsets เป็นต้น ช่วยให้คอลัมน์ตอบสนองทั้งความต้องการด้านสุนทรียภาพและฟังก์ชันโครงสร้าง
- Design Integration:
- เนื่องจาก structural columns มีความสำคัญในการถ่ายโอนน้ำหนักจาก beams และ slabs ไปยัง foundation ตำแหน่งและ orientation ที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งจำเป็น
- Workflow ที่ Revit นำเสนอช่วยให้การวางและการจัดการกับคอลัมน์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวมเข้ากับระบบโครงสร้างและ grid ของอาคารได้อย่างลงตัว
โดยรวมแล้ว Vertical Structural Column ช่วยให้คุณสามารถเพิ่ม vertical supports ที่มีความแม่นยำและสอดคล้องกับ design intent ของโปรเจค ช่วยให้งาน structural analysis เป็นไปได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
Multiple Columns by Grid
Multiple Columns เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณสามารถวาง Structural Columns หลายตัวพร้อมกันได้จากการเลือก grid intersections ในโมเดล โดยอิงจากเนื้อหาบนหน้าเว็บหลักมีรายละเอียดดังนี้:
- เมื่อคุณเลือกคำสั่ง Structural Column บน Ribbon (ซึ่งอยู่ในแท็บ Structure หรือ Architecture ขึ้นอยู่กับเวอร์ชัน) คุณจะสามารถเข้าถึงตัวเลือก Multiple Columns ได้บนแถบ Modify | Place Structural Column ในค่า Multiple panel (At Grids)
- ขั้นตอนนี้จะอนุญาตให้คุณเลือก gridlines ที่ต้องการให้เป็นจุดจับของคอลัมน์โดยอัตโนมัติ เมื่อคุณเลือก gridlines ระบบจะพรีวิวการวาง column ที่ตำแหน่ง grid intersections ที่ได้
- คุณสามารถกด Spacebar เพื่อหมุน columns ที่คุณกำลังสร้างอยู่ให้ได้ orientation ตามที่ต้องการ โดยสามารถกดซ้ำหลายครั้งจนได้มุมที่เหมาะสม
- หากต้องการเพิ่มคอลัมน์เพิ่มจาก grid intersections ที่มีอยู่ คุณสามารถกด Ctrl ค้างและลาก pick boxes เพื่อเลือก grid intersections เพิ่มเติม
- เมื่อเสร็จสิ้นการกำหนดตำแหน่งและการปรับ orientation แล้ว ให้คลิกที่ Modify | Place Structural Column > At Grid Intersection tab Multiple panel (Finish) เพื่อทำการสร้าง columns ทั้งหมดในครั้งเดียว
ฟังก์ชัน Multiple Columns ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดเวลาและลดความซับซ้อนในกระบวนการวาง Structural Columns โดยเฉพาะในโปรเจกต์ที่มี grid layout ซ้ำ ๆ และต้องการความแม่นยำในการจัดตำแหน่งให้สอดคล้องกับ design intent ของงานออกแบบ.
Lock Columns to a Grid
Lock ใน Revit เป็นฟังก์ชันที่ช่วย constrain ตำแหน่งของ Structural Columns (หรือส่วนประกอบอื่น ๆ) ให้สัมพันธ์กับ Grid ที่ได้กำหนดไว้ โดยหลักการทำงาน และรายละเอียดจากเนื้อหาบนหน้าเว็บมีดังนี้:
- การ Lock กับ Grid:
- เมื่อใช้งาน Lock จะมีการกำหนดค่าใน Properties palette ในส่วน Constraints ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ใน Grid
- สำหรับ Vertical Columns คุณจะเลือกพารามิเตอร์อย่าง “Moves with Grids” เพื่อให้ column เคลื่อนที่ตามตำแหน่งของ Grid ที่เปลี่ยนแปลง
- สำหรับ Slanted Columns คุณสามารถเลือกที่จะ Lock เฉพาะส่วนบน (“Move Top With Grids”), ส่วนล่าง (“Move Base With Grids”) หรือทั้งสองส่วนได้ พฤติกรรมในการเคลื่อนที่จะขึ้นอยู่กับการ Lock ว่าทั้งสองด้านถูก Lock ไว้หรือไม่
- ผลกระทบของการ Lock:
- เมื่อ column ถูก Lock แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังสามารถถูกเคลื่อนย้ายหรือแก้ไขได้ แต่จะมีการเสริมการเคลื่อนที่ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ Grid ด้วย กล่าวคือ หาก Grid ถูก repositioned column ที่ Lock ไว้จะเคลื่อนที่ไปในอัตราส่วนที่สัมพันธ์กัน
- สำหรับ Slanted Columns หากทั้งสอง endpoints ถูก Lock ไว้แล้วและ Grid ที่เชื่อมต่อแต่ละปลายไม่ใช่ subset กัน ระบบจะปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์ Column Style เป็น “Slanted – End Point Driven” ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนที่ของแต่ละ endpoint จะถูกควบคุมแยกกันตาม Grid ที่ถูก Lock
โดยรวมแล้ว ฟังก์ชัน Lock นั้นช่วยให้คุณสามารถรักษาความสัมพันธ์และการจัดแนวของ Structural Columns กับ Grid ได้อย่างเป็นระบบ เมื่อมีการปรับเปลี่ยน Grid, columns ที่ Lock ไว้จะปรับตำแหน่งไปตาม Grid โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้การประสานงานโมเดลและการจัดการตำแหน่งขององค์ประกอบต่าง ๆ เป็นไปอย่างแม่นยำและสอดคล้องกับ design intent ของโปรเจกต์
Structural Column Inside a Architectural Column
เครื่องมือ Add a Structural Column Inside a Architectural Column ใน Revit จะช่วยให้งานวาง Structural Column เป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยการให้ structural column ที่คุณสร้างใหม่ snap ไปยังจุดกลางของ Architectural Column ที่มีอยู่ใน plan view อัตโนมัติ:
- เข้าถึงคำสั่ง:
เริ่มต้นด้วยการเลือกคำสั่ง Structural Column จาก Ribbon ซึ่งสามารถพบได้ใน Architecture tab บน Build panel หรือใน Structure tab บน Column panel ตามการตั้งค่า workspace ของคุณ - การเลือกประเภทของ Column:
บน Properties palette ให้คุณเลือก Structural Column type ที่ต้องการจาก drop-down list เพื่อให้ structural column ที่สร้างใหม่ตรงตาม design requirements ของโปรเจค - ใช้งานตัวเลือก “At Columns”:
จากนั้นให้คลิกที่ Modify | Place Structural Column tab Multiple panel (At Columns) ซึ่งตัวเลือกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวาง Structural Column ภายใน Architectural Column ได้อย่างง่ายดาย - การเลือก Architectural Columns:
คุณสามารถคลิกเลือก Architectural Column ทีละตัวหรือใช้ pick box เพื่อเลือก Architectural Columns หลายตัวใน view เมื่อเลือกเสร็จ ระบบจะใช้จุดกลางของ Architectural Columns ที่เลือกมาเป็น reference points - การ snap อัตโนมัติ:
Structural Columns ที่สร้างใหม่จะ snap ไปยังจุดกลางของ Architectural Columns ที่เลือกไว้ ซึ่งช่วยให้การจัดวางมีความแม่นยำและลดขั้นตอนการปรับแก้ด้วยมือ - ยืนยันการวาง Column:
เมื่อคุณตรวจสอบตำแหน่งและการจัดวางเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ Modify | Place Structural Column > At Architectural Columns tab Multiple panel (Finish) เพื่อยืนยันการวาง Structural Columns ทั้งหมดในครั้งเดียว
โดยสรุป เครื่องมือนี้ช่วยให้ workflow ในการวาง Structural Column ภายใน Architectural Column เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพิ่มความสอดคล้องและประสิทธิภาพในการประสานงานของโมเดลได้อย่างดีเยี่ยม
Structural Column Modification
Modification ใน Revit หมายถึงกระบวนการปรับแก้ไขและปรับปรุง elements ที่ถูกวางไว้ในโมเดลแล้ว:
- การแก้ไข element ทั่วไป:
Modification ครอบคลุมการใช้เครื่องมือแก้ไขพื้นฐาน เช่น move, align, copy, rotate, trim เพื่อให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือปรับค่า element โดยไม่จำเป็นต้องลบแล้วสร้างใหม่ - รายละเอียดเฉพาะสำหรับ Structural Columns:
ในกรณีของ Structural Columns การ Modification จะเกินกว่าการแก้ไขพื้นฐาน เช่น สำหรับ slanted columns ที่มี parameters เฉพาะ คุณจะต้องใช้เครื่องมือที่ช่วยในการปรับ slant, เปลี่ยน column style (เช่น การสลับระหว่าง angle-driven หรือ end point-driven) เพื่อให้แน่ใจว่า geometry ของคอลัมน์สอดคล้องและเชื่อมต่อกับ elements อื่น ๆ เช่น beams ได้อย่างถูกต้อง - Customization and Precision:
เครื่องมือ Modification ช่วยให้คุณปรับแก้ไขรายละเอียดได้อย่างละเอียด สามารถปรับ geometry alignment, endpoint justification และ cut styles ได้อย่างแม่นยำ สิ่งนี้ช่วยรักษาความสอดคล้องของโมเดลและรับรองว่า structural elements ทำงานได้ตาม design intent ที่วางไว้สำหรับการวิเคราะห์ - Integration with Workflow:
ความสามารถในการปรับแก้ไข elements อย่างง่ายดายหมายความว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในการออกแบบ คุณสามารถอัปเดตโมเดลได้อย่างรวดเร็วและรักษาความสอดคล้องระหว่างส่วนต่าง ๆ ของโครงสร้าง ลดข้อผิดพลาดระหว่างการประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุป Modification ในบริบทนี้คือการให้วิธีการที่ยืดหยุ่นและแม่นยำในการแก้ไข structural elements ภายใน Revit เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงได้รับการรวมเข้ากับกระบวนการออกแบบและ structural analysis อย่างมีประสิทธิภาพ
Display Splice or Plate Symbols
Display Splice or Plate Symbols ใน Revit เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณสามารถกำหนดให้ Structural Column แสดงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับ splice หรือ plate ณ จุดเชื่อมต่อ (endpoint) ของคอลัมน์ โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงสัญลักษณ์แบบใดในแต่ละจุด ตัวเลือกที่มีให้ใช้งาน ได้แก่:
- None: ไม่แสดงสัญลักษณ์ใด ๆ
- Moment Column Connection: แสดงสัญลักษณ์สำหรับการเชื่อมต่อแบบ Moment
- Shear Column Connection: แสดงสัญลักษณ์สำหรับการเชื่อมต่อแบบ Shear
- Base Plate Symbol: แสดงสัญลักษณ์สำหรับ Base Plate
ข้อควรทราบคือ การแสดงสัญลักษณ์แบบ Moment จะทำงานได้เฉพาะเมื่อ Detail Level ของ view ถูกตั้งเป็น Coarse เท่านั้น
เพื่อใช้งานฟังก์ชันนี้ ให้เลือก Structural Column ที่ต้องการ จากนั้นใน Properties palette ภายใต้ส่วน Structural ให้เลือก Top Connection (สำหรับ top splice) หรือ Base Connection (สำหรับ base plate symbol) ตามความเหมาะสม แล้วคลิก OK สัญลักษณ์ที่เลือกจะปรากฏบน column ช่วยให้การแสดงรายละเอียด splice หรือ plate ใน drawing เป็นไปอย่างชัดเจนและสอดคล้องกับ design intent ของงาน structural analysis ได้อย่างแม่นยำ
Structural Column Instance Properties
Instance Properties ใน Revit เป็นชุดพารามิเตอร์ที่สามารถปรับแต่งได้เฉพาะสำหรับแต่ละ instance ของ element ในโมเดล ซึ่งจะแสดงใน Properties palette การปรับค่า Instance Properties ช่วยให้คุณควบคุมรายละเอียดที่แตกต่างกันในแต่ละ element เช่น
- การกำหนดชนิดและตำแหน่งของ element เช่น การเลือก Base Level, Top Level และการปรับ Offsets ซึ่งจะกำหนดตำแหน่งเริ่มต้นและสิ้นสุดของ Structural Column
- การตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบและการตัด (Cut Style) ของ element ที่จะปรับให้เหมาะสมกับวิธีการแสดงผลในแต่ละ view (เช่น Perpendicular, Horizontal หรือ Vertical)
- การเลือก Column Style เช่น Vertical, Slanted – End Point Driven หรือ Slanted – Angle Driven ซึ่งมีความแตกต่างกันในการปรับค่าทาง geometry และการจัดแนว (Alignment) ของ element โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับ beams หรือ element อื่น ๆ
- ค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแนบ (Attachment), การปรับตำแหน่งให้สัมพันธ์กับ Grid (Moves With Grids, Move Top With Grids, Move Base With Grids) และข้อมูลประจำตัว (Identity Data) เพื่อการจัดการและติดตาม element ในโปรเจค
โดยสรุป Instance Properties ทำให้คุณสามารถปรับแต่ง behavior และลักษณะเฉพาะของแต่ละ instance ในโมเดลได้อย่างละเอียด โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมีผลโดยตรงต่อการแสดงผลและการทำงานของ element นั้น ๆ ภายในโปรเจค ทำให้การควบคุมและการประสานงานโมเดลใน Revit เป็นไปอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
Leave a Reply