มุมมองของโครงการ (Project Views)
ใน Revit, มุมมองของโครงการหมายถึงวิธีการแสดงผลและการโต้ตอบกับโมเดลอาคารในรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยในการออกแบบ, การนำเสนอ, และการจัดทำเอกสารก่อสร้าง โดยแต่ละมุมมองจะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลโมเดลอาคารเดียวกัน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นในมุมมองหนึ่งจะถูกนำไปใช้กับทั้งโครงการ
ประเภทของมุมมองใน Revit:
- รูปแปลน (Plan Views): มุมมองสองมิติแบบดั้งเดิม เช่น แปลนอาคาร, แปลนเพดาน, และแปลนโครงสร้าง
- รูปด้าน (Elevation Views): การดูโมเดลจากมุมมองด้านต่างๆ
- รูปตัด (Section Views): การตัดผ่านโมเดลเพื่อให้เห็นรายละเอียดภายใน
- รูปขยาย (Callout Views): การขยายส่วนหนึ่งของมุมมองที่มีอยู่เพื่อให้ชัดเจนมากขึ้นในการจัดทำเอกสาร
- มุมมอง 3D (3D Views): การแสดงผลแบบมุมมองภาพ 3 มิติทั้งแบบเปอร์สเปคทีฟและออร์โธกราฟิก
- ตารางสัญลักษณ์ (Legend Views): รายการของส่วนประกอบอาคารและคำอธิบายที่ใช้ในโครงการ
นอกจากนี้ Revit ยังมีฟีเจอร์ จัดการมุมมอง ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมการแสดงผลขององค์ประกอบในแต่ละมุมมอง, ปรับแต่งความสามารถในการมองเห็น และแก้ไขคุณสมบัติแท็กของมุมมองต่างๆ ได้
Plan Views
รูปแปลน (Plan Views) ใน Revit
ใน Revit, รูปแปลน (Plan Views) เป็นการแสดงผลแบบ 2 มิติ ที่ใช้สำหรับการออกแบบ, การจัดทำเอกสาร, และการแสดงภาพรวมของโมเดลอาคาร มุมมองประเภทนี้มักใช้ในการแสดง แปลนอาคาร, แปลนเพดาน (RCP), และแปลนโครงสร้าง
ประเภทของมุมมองแปลน
- แปลนพื้น (Floor Plan Views)
- เป็นมุมมองเริ่มต้นในโครงการสถาปัตยกรรมใหม่
- สามารถให้สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเพิ่มระดับ (Levels) ใหม่
- ใช้สำหรับวางผังผนัง, เฟอร์นิเจอร์, และองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
- แปลนฝ้าเพดาน (Reflected Ceiling Plan Views – RCPs)
- แสดงองค์ประกอบของเพดานราวกับมองจากด้านล่างและสะท้อนขึ้น
- ใช้สำหรับวางตำแหน่งโคมไฟ, ระบบปรับอากาศ (HVAC), และตารางเพดาน
- สามารถให้สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเพิ่มระดับใหม่
- แปลนโครงสร้าง (Structural Plan Views)
- เป็นมุมมองเริ่มต้นในโครงการที่ใช้เทมเพลตโครงสร้าง
- แสดงองค์ประกอบโครงสร้าง เช่น คาน, ฐานราก, และผนังรับน้ำหนัก
- สามารถปรับแต่ง View Direction (เช่น แสดงฐานรากจากมุมมองด้านล่าง หรือแสดงโครงสร้างจากมุมมองด้านบน)
การปรับแต่งมุมมองแปลน
- View Range: ควบคุมระดับความลึกของมุมมอง
- Plan Regions: กำหนดระดับการแสดงผลเฉพาะบางพื้นที่
- Underlays: แสดงองค์ประกอบจากระดับอื่นเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
- Clip Planes: ปรับระนาบการตัดเพื่อความชัดเจนของมุมมอง
- View Direction Parameter (สำหรับแปลนโครงสร้าง): ปรับทิศทางเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานของวิศวกรรมแต่ละประเทศ
มุมมองแปลนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำงานของ Revit เพื่อให้การจัดทำเอกสารโครงการเป็นระเบียบและชัดเจน
View Range
View Range ใน Revit
View Range ใน Revit เป็นชุดของระนาบแนวนอนที่ใช้ควบคุม การมองเห็นและการแสดงผลของวัตถุในมุมมองแปลน ซึ่งช่วยกำหนด ระดับความลึก และ ขอบเขตการมองเห็น ขององค์ประกอบต่างๆ ในแปลน
องค์ประกอบของ View Range
- Top Plane – ขีดจำกัดบนสุดของช่วงการมองเห็น องค์ประกอบที่อยู่เหนือระนาบนี้จะไม่ถูกแสดง
- Cut Plane – ระนาบที่กำหนดจุดตัดขององค์ประกอบในมุมมอง ทำให้บางส่วนขององค์ประกอบแสดงเป็นมุมมองตัด
- Bottom Plane – ขีดจำกัดล่างสุดของช่วงการมองเห็นหลัก
- View Depth – ช่วงเพิ่มเติมที่อยู่ต่ำกว่าระนาบล่าง ทำให้องค์ประกอบที่อยู่ใต้ขีดจำกัดหลักสามารถมองเห็นได้
แต่ละ มุมมองแปลน (Floor Plan และ Reflected Ceiling Plan) จะมีการตั้งค่า View Range ที่กำหนดลักษณะการแสดงผลขององค์ประกอบ โดยองค์ประกอบจะแสดงผลตาม เส้นน้ำหนัก และ รูปแบบเส้น เช่น:
- Cut Line Weight – ใช้กับองค์ประกอบที่ถูกตัดโดย Cut Plane
- Projection Line Weight – ใช้กับองค์ประกอบที่ไม่ถูกตัด
- Beyond Line Style – ใช้สำหรับองค์ประกอบที่อยู่ในช่วง View Depth
ข้อยกเว้นและข้อพิจารณาเพิ่มเติม
- ผนังที่สูงไม่ถึง 6 ฟุต (หรือ 2 เมตร) จะ ไม่ถูกตัด แม้ว่าจะอยู่ใน Cut Plane
- องค์ประกอบบางประเภท เช่น Casework, Windows และ Generic Models อาจมีพฤติกรรมการแสดงผลแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งใน View Range
- Reflected Ceiling Plans (RCPs) ใช้มุมมองจากล่างขึ้นบน ดังนั้น Cut Plane ใน RCP มักตั้งไว้สูงกว่ามุมมองปกติ
View Range ช่วยให้ผู้ใช้ ควบคุมการมองเห็นในแปลนได้อย่างละเอียด, ส่งผลให้การจัดทำเอกสารในงานสถาปัตยกรรมและโครงสร้างมีความชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น
Plan Regions
Plan Regions ใน Revit
Plan Regions ใน Revit ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนด หลายระนาบการตัด (cut planes) ภายใน รูปแปลนเดียว ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์ในกรณีที่ทำงานกับ แปลนแบบหลายระดับ (split level), ระดับพื้นต่างกัน, หรือเมื่อต้องการแสดงองค์ประกอบที่อยู่ เหนือหรือใต้ ระนาบตัดมาตรฐาน
คุณสมบัติหลักของ Plan Regions
- ระนาบการตัดแบบกำหนดเอง: แต่ละ Plan Region สามารถมีระนาบการตัดที่แตกต่างจากมุมมองหลัก ทำให้สามารถควบคุมการมองเห็นขององค์ประกอบได้อย่างละเอียด
- เฉพาะมุมมอง: Plan Regions มีผลเฉพาะมุมมองที่สร้างขึ้นและไม่ส่งผลต่อมุมมองอื่นๆ
- ใช้สำหรับองค์ประกอบที่ถูกจัดวาง (Hosted Elements): โดยเฉพาะ หน้าต่างและประตู ที่ตำแหน่งติดตั้งอาจส่งผลต่อการแสดงผล
- ไม่สามารถทับซ้อนกัน: Plan Regions ต้องเป็นรูปทรงปิดและไม่สามารถวางทับกันได้ แต่สามารถมีขอบที่สัมผัสกันได้
- ไม่มีผลต่อองค์ประกอบ MEP: ไม่สามารถใช้ Plan Regions เพื่อควบคุมการแสดงผลขององค์ประกอบ MEP ได้
ตัวอย่างการใช้งาน
- ใช้ Plan Region เพื่อแสดง หน้าต่างที่อยู่สูงกว่าระนาบตัดมาตรฐาน ในแปลนพื้น
- ใน บ้านที่มีระดับพื้นต่างกัน (Split-Level Homes), Plan Regions ช่วยให้สามารถแสดงองค์ประกอบจากระดับต่างๆ ภายในมุมมองเดียวกัน ได้
Plan Regions สามารถคัดลอกและวางลงในมุมมองอื่นโดยคงค่าการตั้งค่า View Range จากมุมมองเดิม นอกจากนี้ยังสามารถ ส่งออกและพิมพ์ ได้หากมองเห็นภายในมุมมองนั้น
Depth of a Plan View
ความลึกของมุมมองแปลน (Depth of a Plan View) ใน Revit
ใน Revit, Depth of a Plan View หมายถึงขอบเขตที่องค์ประกอบต่างๆ จะมองเห็นได้ ต่ำกว่าระนาบตัด (cut plane) ในมุมมองแปลน ซึ่งควบคุมโดย พารามิเตอร์ Depth Clipping ที่ใช้กำหนดความลึกของมุมมอง
องค์ประกอบของความลึกในมุมมองแปลน
- Cut Plane – กำหนดระดับที่องค์ประกอบจะถูก “ตัด” และแสดงในแปลน
- View Depth – ขอบเขตล่างสุดของการมองเห็น ขยายออกไปนอกระนาบปกติ
- Depth Clipping Parameter – ควบคุมว่าจะแสดงหรือซ่อนองค์ประกอบในช่วงView Depth
การตั้งค่า Depth Clipping
สามารถปรับ Depth Clipping Parameter ได้ผ่าน Properties palette ในส่วน Extents ซึ่งมี 3 ตัวเลือกหลัก:
- Clip without line – ซ่อนองค์ประกอบที่อยู่นอกขอบเขตโดยไม่แสดงเส้นขอบเขต
- Clip with line – แสดงเส้นขอบเขตที่ตัดองค์ประกอบ
- No clip – แสดงองค์ประกอบทั้งหมดภายใน View Depth โดยไม่มีข้อจำกัด
ข้อพิจารณาพิเศษ
- Plan Regions จะใช้การตั้งค่า Depth Clipping ตามมุมมองหลักแต่จะมี View Range ของตัวเอง
- องค์ประกอบโครงสร้าง เช่น คาน (beams) และ families ที่ไม่สามารถตัดได้ จะไม่ถูกตัดแม้จะอยู่ในระนาบ Back Clip Plane
- การปรับค่าความลึก อาจส่งผลต่อ การแสดงผลในการพิมพ์เอกสาร
การปรับค่าความลึกในมุมมองแปลนช่วยให้สามารถแสดงผลโครงสร้างใต้ดิน, ฐานรากหลายระดับ หรือองค์ประกอบพื้นต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Underlays
Underlays ใน Revit ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็น องค์ประกอบจากLevelอื่น ภายในโครงการ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับ การประสานงานและการก่อสร้าง โดยเฉพาะเมื่อทำงานกับ อาคารหลายระดับ หรือ โมเดล MEP
คุณสมบัติหลักของ Underlays
- มองเห็นองค์ประกอบหลายLevel – ช่วยให้สามารถแสดงองค์ประกอบจากLevelอื่นในรูปแปลนปัจจุบัน
- การแสดงผลแบบ Halftone – องค์ประกอบที่ใช้ Underlay จะแสดงในโหมด Halftone เพื่อให้เห็นชัดเจนแต่ไม่รบกวนมุมมองหลัก
- การมองจากด้านบนหรือล่าง – ผู้ใช้สามารถกำหนดให้ Underlay มองเห็นจาก ด้านบนหรือล่าง ของระดับปัจจุบัน
- รองรับ Hidden Line View – Underlays จะยังคงมองเห็นได้ในโหมด Hidden Line, ซึ่งช่วยให้สามารถใช้อ้างอิงได้โดยไม่กระทบต่อรูปแบบการมองเห็นอื่นๆ
กรณีการใช้งานทั่วไป
- การออกแบบสถาปัตยกรรม – ใช้ช่วยปรับตำแหน่ง โคมไฟ ให้อยู่ตรงกับเฟอร์นิเจอร์ในแปลนพื้น
- การประสานงานระบบ MEP – ให้วิศวกรสามารถทำงานใน แปลนพื้น ในขณะที่ดู แปลนเพดาน เป็น Underlay
- บ้านที่มีระดับพื้นต่างกัน – ใช้เพื่อจัดการการแสดงผลของพื้นในระดับที่แตกต่างกันภายในโครงการเดียวกัน
เมื่อสร้าง มุมมองแปลนใหม่, การตั้งค่า Base Level ของ Underlay จะถูกกำหนดเป็น None โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถปรับค่าการตั้งค่านี้ผ่าน View Properties เพื่ออ้างอิงระดับที่ต้องการ
Clip Plane
Clip Plane ใน Revit
ใน Revit, Clip Plane ใช้ในการควบคุม การมองเห็นขององค์ประกอบโมเดลที่อยู่ใต้ระนาบกำหนด ใน มุมมองแปลน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดขอบเขตของการมองเห็น โดยเฉพาะใน แปลนพื้นที่ (Site Plans) หรือ แปลนพื้น (Floor Plans) ที่มีโครงสร้างใต้ดิน
การตั้งค่า Clip Plane
เพื่อปรับแต่ง Clip Plane ในมุมมองแปลน ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- ใน Project Browser, เลือก มุมมองแปลน ที่ต้องการตั้งค่า Clip Plane
- เปิด Properties palette และค้นหาพารามิเตอร์ Depth Clipping ในส่วน Extents
- คลิกที่ค่าของ Depth Clipping เพื่อเปิด Depth Clipping dialog
- เลือกหนึ่งในตัวเลือกต่อไปนี้:
- No Clip – ไม่มีข้อจำกัดด้านความลึก องค์ประกอบทั้งหมดจะแสดง
- Clip Without Line – จำกัดการมองเห็น แต่ไม่แสดงขอบเขตของการตัด
- Clip With Line – จำกัดการมองเห็นและแสดงขอบเขตของการตัด
- หากต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม ให้คลิก View Range และแก้ไขค่าของ View Depth ตามความเหมาะสม
การตั้งค่า Clip Plane เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดทำเอกสารทางสถาปัตยกรรมและโครงสร้าง เพื่อให้สามารถแสดงองค์ประกอบ ใต้ดิน เช่น ฐานราก, ชั้นใต้ดิน, หรือระบบสาธารณูปโภคได้อย่างถูกต้อง
Elevation Views
ใน Revit, Elevation Views เป็นมุมมอง สองมิติ (2D) ที่แสดงลักษณะของอาคารจากมุมมองแนวตั้ง ซึ่งช่วยให้ผู้ออกแบบเห็นความสัมพันธ์ของระดับความสูง, วัสดุ, และการจัดวางองค์ประกอบโครงสร้าง
คุณสมบัติหลักของ Elevation Views
- มุมมองด้านมาตรฐาน – Revit จะสร้าง 4 มุมมองด้านเริ่มต้น ได้แก่ เหนือ (North), ใต้ (South), ตะวันออก (East), และตะวันตก (West)
- มุมมองด้านภายนอก vs. ภายใน
- มุมมองด้านภายนอก ใช้แสดงผิวอาคารภายนอก เหมาะสำหรับการออกแบบฟาซาดและการปรับให้เข้ากับพื้นที่ไซต์
- มุมมองด้านภายใน ใช้ดูรายละเอียดของผนังภายใน เช่น ห้องครัวหรือห้องน้ำ เพื่อกำหนดลักษณะการก่อสร้าง
- แท็กมุมมองด้าน (Elevation Tags)
- Elevation Views ถูกกำหนดโดย แท็กมุมมองด้าน, ซึ่งสามารถเลื่อนไปยังตำแหน่งผนังโดยอัตโนมัติเมื่อลากด้วยเคอร์เซอร์
- ลูกศรของแท็กมุมมองด้าน จะปรากฏใน มุมมองแปลน ตราบเท่าที่ ขอบเขตมุมมอง (Crop Region) อยู่ภายในช่วงการมองเห็นของแปลน
การปรับแต่ง Elevation Views
- สามารถ เพิ่มมุมมองด้านเพิ่มเติม นอกเหนือจากค่ามาตรฐานเพื่อให้เข้ากับความต้องการของโครงการ
- สามารถปรับ ขอบเขตมุมมอง (Crop Region) เพื่อโฟกัสไปยังพื้นที่เฉพาะ
- Reference Elevations ใช้กำหนดตำแหน่งเฉพาะสำหรับการสร้างภาพรายละเอียดของงานออกแบบ
- มุมมองด้านสามารถปรับแต่ง คุณสมบัติมุมมอง (View Properties) เพื่อปรับ น้ำหนักเส้น, การตัดความลึก, และการตั้งค่าการมองเห็น
มุมมองด้านเป็นองค์ประกอบสำคัญในการ นำเสนอภาพโครงสร้างสถาปัตยกรรม และช่วยให้การจัดทำเอกสารก่อสร้างมีความแม่นยำและสมบูรณ์
Reference Elevations
Reference Elevations ใน Revit ใช้เพื่อ ระบุและจัดทำป้ายกำกับมุมมองด้านที่มีอยู่ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเอกสารเข้าใจตำแหน่งของมุมมองด้านในโครงการ โดยไม่ได้สร้างมุมมองใหม่ เมื่อถูกเพิ่มเข้าไปในแบบ
คุณสมบัติหลักของ Reference Elevations
- ป้ายกำกับทิศทาง – ป้ายกำกับทั่วไป ได้แก่ ทิศเหนือ, ใต้, ตะวันออก และตะวันตก เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจตำแหน่งของมุมมองด้านในแผนงานสถาปัตยกรรมและโครงสร้าง
- การวางในมุมมอง – สามารถวาง Reference Elevations ได้ใน มุมมองแปลน หรือ มุมมอง Callout เพื่ออ้างอิงตำแหน่งของมุมมองด้าน
- ใช้กับมุมมองที่มีอยู่และมุมมองร่าง (Drafting Views) – ใช้สำหรับกำกับมุมมองที่มีอยู่แล้ว รวมถึง Drafting Views เพื่อให้เอกสารมีความชัดเจน
- สัญลักษณ์ Elevation ที่ปรับแต่งได้ – สามารถแก้ไข สัญลักษณ์ของมุมมองด้าน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของโครงการ
Reference Elevations มีความสำคัญต่อ การจัดทำเอกสารก่อสร้าง, เนื่องจากช่วยให้ผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่ายเข้าใจมุมมองของอาคารโดยไม่ต้องสร้างมุมมองใหม่เพิ่มเติม
Framing Elevation Views
Framing Elevation Views ใน Revit ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ กำหนดระนาบการทำงาน (Work Plane) ให้ตรงกับ เส้นกริดหรือระนาบอ้างอิงที่กำหนดชื่อ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการ จัดตำแหน่งโครงสร้างแนวตั้ง เช่น การเพิ่ม โครงสร้างค้ำยัน (Vertical Bracing) ให้สอดคล้องกับจุดอ้างอิงที่กำหนดไว้ในแบบ
คุณสมบัติหลักของ Framing Elevation Views
- การจัดตำแหน่งระนาบการทำงานอัตโนมัติ – เมื่อสร้างมุมมองด้านโครงสร้าง Revit จะตั้งค่าระนาบการทำงานและขอบเขตมุมมองโดยอัตโนมัติ ให้ตรงกับ เส้นกริดหรือระนาบอ้างอิงที่เลือก
- การเชื่อมโยงกับระดับอ้างอิง – เส้นกริดหรือระนาบอ้างอิงที่เลือกจะถูกบันทึกเป็น Associated Datum ใน Properties Palette
- ขอบเขตของมุมมองที่จำกัด – ขอบเขตของมุมมองด้านโครงสร้าง (Crop Region) จะถูกจำกัดให้อยู่ ระหว่างเส้นกริดที่อยู่ติดกัน ซึ่ง ตั้งฉาก กับเส้นกริดที่เลือก
ฟีเจอร์นี้เป็นเครื่องมือสำคัญใน งานออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม, โดยช่วยให้สามารถจัดตำแหน่งโครงสร้าง ค้ำยันแนวตั้ง และองค์ประกอบอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ
Custom Elevation Tags
Custom Elevation Tags ใน Revit ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง สัญลักษณ์มุมมองด้านแบบกำหนดเอง เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์กรหรือข้อกำหนดของโครงการ โดยสามารถปรับแต่งให้มี รูปร่างเฉพาะ และ ลูกศรที่ชี้ไปในหลายทิศทาง เพื่อให้การแสดงผลของมุมมองด้านมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
คุณสมบัติหลักของ Custom Elevation Tags
- การออกแบบที่ปรับแต่งได้ – ผู้ใช้สามารถแก้ไขรูปร่างของแท็กมุมมองด้านและทิศทางของลูกศรได้
- การใช้ Nested Families – สามารถฝัง Pointer Family แบบกำหนดเอง ลงใน Tag Body Family แบบกำหนดเอง เพื่อการปรับแต่งขั้นสูง
- สอดคล้องกับมาตรฐานองค์กร – ช่วยให้ทีมงานสามารถใช้ระบบแท็กมุมมองด้านที่มีมาตรฐานเดียวกันในทุกโครงการ
ขั้นตอนการสร้าง Custom Elevation Tag
- ออกแบบ Pointer Family แบบกำหนดเอง – กำหนดลักษณะของลูกศรและทิศทางการแสดงผล
- สร้าง Tag Body Family แบบกำหนดเอง – กำหนดรูปแบบป้ายกำกับและการแสดงผลกราฟิก
- ฝัง Pointer Family ลงใน Tag Body – รวมสององค์ประกอบเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแท็กมุมมองด้านที่ใช้งานได้
- นำเข้าไปยังโครงการ – ใช้แท็กที่กำหนดเองในมุมมองด้านของโครงการ
การปรับแต่งนี้ช่วยให้แท็กมุมมองด้านสอดคล้องกับ เอกสารทางสถาปัตยกรรมและโครงสร้าง, ทำให้การสื่อสารแบบก่อสร้างมีความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
Elevation View Properties
Elevation View Properties ใน Revit กำหนด การทำงานและลักษณะการแสดงผล ของ แท็กมุมมองด้าน (Elevation Tags), แท็ก Callout (Callout Tags) และ ป้ายกำกับอ้างอิง (Reference Labels) ภายในโครงการ ซึ่งช่วยให้การจัดรูปแบบมุมมองด้านเป็นไปอย่างถูกต้องและสามารถใช้งานในเอกสารก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติหลักของ Elevation Views
- แท็กมุมมองด้าน (Elevation Tags) – ควบคุมวิธีการแสดงผลของมุมมองด้านในโครงการ
- แท็ก Callout (Callout Tags) – กำหนดการมองเห็นของ Callout ภายในมุมมองด้านเพื่อเน้นพื้นที่เฉพาะ
- ป้ายกำกับอ้างอิง (Reference Labels) – กำหนดข้อความที่แสดงถัดจากแท็กมุมมองด้านเมื่อต้องการอ้างอิงมุมมองด้านที่มีอยู่แล้ว
การปรับแต่งคุณสมบัติของ Elevation View
- การตั้งค่าผ่านแท็บ Manage – ผู้ใช้สามารถปรับ Elevation Tags และ Callout Tags ได้โดยใช้ Annotation Settings ในแท็บ Manage
- Reference Label Parameter – กำหนดข้อความที่แสดงข้างแท็กมุมมองด้านเพื่อเพิ่มความชัดเจนในเอกสารก่อสร้าง
คุณสมบัติเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความสอดคล้องและความแม่นยำในภาพวาดทางสถาปัตยกรรมและโครงสร้าง
Place a Reference Elevation
ใน Revit, Reference Elevation ใช้สำหรับ กำหนดและอ้างอิงมุมมองด้านที่มีอยู่ โดยไม่สร้างมุมมองใหม่ ซึ่งช่วยให้เอกสารมีความชัดเจนและสามารถเชื่อมโยงมุมมองด้านกับตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างเป็นระบบ
ขั้นตอนการวาง Reference Elevation
- เปิดมุมมองแปลนหรือ Callout View – ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามุมมองที่ต้องการใช้งานถูกเลือก
- เข้าถึงเครื่องมือ Elevation – ไปที่แท็บ View, จากนั้นเลือก Elevation จากเมนู Create panel
- เปิดใช้งานโหมด Reference – ใน Reference panel, เลือก Reference Other View เพื่ออ้างอิงมุมมองด้านที่มีอยู่
- เลือกมุมมองอ้างอิง
- เลือกมุมมองจากรายการแบบดรอปดาวน์
- หากมีรายชื่อมุมมองจำนวนมาก สามารถใช้ ช่องค้นหา เพื่อค้นหาได้เร็วขึ้น
- หากไม่มีมุมมองที่ต้องการอ้างอิง สามารถเลือก เพื่อสร้างมุมมองร่างใหม่
- วางสัญลักษณ์ Elevation – คลิกในพื้นที่แบบเพื่อวางสัญลักษณ์ของ Reference Elevation
- ปรับแต่งป้ายกำกับ (Optional)
- เลือกสัญลักษณ์ Reference Elevation และแก้ไข Reference Label ใน Properties Palette
- หากต้องการเพิ่ม Reference Elevations อื่น สามารถทำได้โดยเลือกกล่องเช็ค ซึ่งจะเปิด Select View to Reference dialog
- ปรับแต่งมุมมองที่อ้างอิง – หากต้องการเปลี่ยนมุมมองอ้างอิงหลังจากวางสัญลักษณ์แล้ว ให้เลือกสัญลักษณ์ Reference Elevation และอัปเดต Reference View Name ในรายการแบบดรอปดาวน์
เคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Reference Elevations
- การแก้ไขมุมมองอ้างอิง – สามารถอัปเดตมุมมองที่แท็กอ้างอิงได้ตลอดเวลา
- ไม่มีความสัมพันธ์แบบพาราเมตริก – Reference Elevation ไม่ได้เชื่อมโยงแบบพาราเมตริกกับมุมมองด้านที่อ้างอิง
- การนำทางอย่างรวดเร็ว – ดับเบิลคลิกที่แท็กมุมมองอ้างอิงเพื่อเปิดมุมมองที่เชื่อมโยง
- ข้อจำกัดของ Drafting Views – Reference Elevations ที่วางใน Drafting Views ต้องเป็นมุมมองอ้างอิงเท่านั้น และจะไม่สร้างมุมมองใหม่
Reference Elevations มีบทบาทสำคัญใน การจัดทำเอกสารก่อสร้าง, ทำให้การอ้างอิงมุมมองด้านมีความเป็นระบบโดยไม่ต้องสร้างมุมมองใหม่เพิ่มเติม
Leave a Reply